เมนู

7. จูฬหัตถิปโทปมสูตร


[329] ข้าพเจ้าได้ถึงมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. สมัยนั้น ชาณุโสณีพราหมณ์ ออก
จากกรุงสาวัตถีด้วยรถที่เทียมด้วยลา มีเครื่องประดับขาวทุกอย่าง ในเวลา
เที่ยงวัน ได้เห็นปิโลติกปริพาชกเดินมาแต่ไกล แล้วได้กล่าวกะปิโลติกปริพาชก
ดังนี้ว่า เออแน่ะ ท่านวัจฉายนะมาจากไหนแต่เที่ยงวันเทียว. ปิโลติกปริพาชก
ตอบว่า ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้ามาในที่นี้จากสำนักของพระสมณโคดมนั่นแล.
ชาณุโสณีพราหมณ์ถามว่า ท่านผู้เจริญ บัณฑิตย่อมสำคัญความมีปัญญาและ
ความฉลาดของพระสมณโคดมเป็นอย่างไร. ปิโลติกปริพาชกตอบว่า ท่านผู้เจริญ
ก็ไฉนข้าพเจ้าจักรู้ความมีปัญญาและความฉลาดของพระสมณโคดมได้ แม้ผู้ที่
จะพึงรู้ความมีปัญญาและความฉลาดของท่านพระสมณโคดมได้ ก็ต้องเป็นเช่น
ท่านพระสมณโคดมแน่แท้ทีเดียว. ชาณุโสณีพราหมณ์กล่าวว่า ท่านวัจฉายนะ
สรรเสริญท่านพระสมณโคดมด้วยการสรรเสริญอย่างยิ่ง. ปิโลติกปริพาชก
กล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าจักสรรเสริญท่านพระสมณโคดมได้อย่างไรเล่า
เพราะท่านพระสมณโคดมนั้น ใคร ๆ ก็สรรเสริญแล้วสรรเสริญเล่า ท่านเป็น
ผู้ประเสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย. ชาณุโสณีพราหมณ์ถามว่า ท่าน
วัจฉายนะเห็นอำนาจประโยชน์อะไรเล่า จึงเป็นผู้เลื่อมใสยิ่งในพระสมณโคดม
ถึงเพียงนี้.

รอยเท้า 4 อย่าง


[330] ปิโลติกปริพาชกตอบว่า ท่านผู้เจริญ ทำไมข้าพเจ้าจึงเป็นผู้
เลื่อมใสยิ่งในท่านพระสมณโคดมถึงอย่างนี้ ท่านผู้เจริญ เปรียบเหมือนคน